"สำนักงานศิษย์เก่าสัมพันธ์ มธ." ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สำนักงานธรรมศาสตร์สัมพันธ์" ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดตั้งและการแบ่งส่วนงานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2559
รู้ทันโรคมะร็งปากมดลูก


ขึ้นชื่อว่ามะเร็งใครๆ ก็ไม่อยากเป็น ข้อมูลจาก รศ.พญ.เยาวลักษณ์ ชาญศิลป์ ภาควิชารังสีรักษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลระบุว่าอันตรายของมะเร็งทุกชนิดคือ การทำให้สูญเสียการทำงานของอวัยวะที่เกิดโรคหรือโรคแพร่กระจายไป ดังนั้นอันตรายของโรคมะเร็งจึงขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เกิดมะเร็งและอวัยวะที่แพร่กระจาย สำหรับมะเร็งปากมดลูกนั้น แม้ว่ามดลูกจะไม่ใช่อวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต แต่ก้อนมะเร็งเฉพาะที่สามารถทำให้เกิดการเสียเลือดทั้งเรื้อรังและรุนแรงที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต และยังทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมานไปจนถึงการกดเบียดท่อไตทำให้ไตวายได้ และอันตรายนอกจากนี้ก็คือการล้มเหลวของอวัยะที่โรคกระจายไป

สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกมีความเกี่ยวเนื่องกับเพศสัมพันธ์ ผู้มีอัตราเสี่ยงต่อโรคนี้คือผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ผู้มีบุตรมาก ผู้มีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคน ผู้มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคนและผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อไวรัส HIV จะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 5-6 เท่า ส่วนในประเทศที่ผู้ชายได้รับการขลิบปลายอวัยวะเพศจะมีอุบัติการของมะเร็งปากมดลูกลดลง

สำหรับผู้หญิงที่มีครอบครัวและมีสามีเดียวก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกสัมพันธ์กับการบาดเจ็บหรือการระคายเคืองเรื้อรัง โดยเฉพาะถ้ามีบุตรมากหรือสามีมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี หรือสามีมีคู่นอนหลายคน นับเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของผู้หญิง ที่มะเร็งปากมดลูกนี้สามารถตรวจได้ง่าย จึงตรวจพบได้ตั้งแต่ก่อนแสดงอาการ และยังสามารถตรวจพบภาวะผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกได้ตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนไปเป็นเซลล์มะเร็ง ดังนั้นผู้หญิงควรได้รับการตรวจคัดกรองตามระยะเวลาที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก

การป้องกันโรคมะเร็งชนิดใดๆ ก็คือการหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งของโรคนั้นๆ ซึ่งสำหรับในมะเร็งปากมดลูกก็คือเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงกว่า 70% จึงน่าจะมีผลในการลดอุบัติการของมะเร็งปากมดลูกได้ในอนาคต และเพื่อช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรทำร่วมกับการตรวจคัดกรองเป็นประจำ โดยควรจะเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์เพราะในการเกิดมะเร็งปากมดลูกจะผ่านขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่เริ่มมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเรื้อรัง และเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะอักเสบเรื้อรังที่นำไปสู่มะเร็ง การตรวจคัดกรองจะทำให้สามารถรักษาภาวะผิดปกติต่างๆ ก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็งหรือตรวจพบมะเร็งระยะแรกเริ่มที่รักษาให้หายขาดได้เพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งปาดมดลูกระยะลุกลามหรือแพร่กระจาย



โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 14 มี.ค. 2554 : 09:19:16  

ความเห็นที่ 1
นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนแล้วควรมีชีวิตครอบครัวที่ถูกต้องและจะต้องเอาใจใส่ต่อสุขภาพ ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ แม้จะมีอายุมากแล้วและไม่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือไม่มีประจำเดือนและไม่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังต้องตรวจคัดกรองตามระยะเวลาที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก

สำหรับการรักษามะเร็งปากมดลูกจะเป็นการรักษาเฉพาะที่ เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกมีธรรมชาติของโรคเป็นการลุกลามเฉพาะที่มากกว่าการแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด ซึ่งอาจะเป็นการผ่าตัดหรือการฉายรังสี โดยการผ่าตัดจะใช้ในระยะ 0 และ 1 โดยระยะ 0 หมายถึงระยะที่โรคเริ่มเกิดที่ชั้นผิวเยื่อบุปากมดลูก ยังไม่ลุกลามลงสู่ชั้นใต้เยื่อบุ จึงอาจตัดออกเฉพาะปากมดลูกอย่างเดียวได้ แต่เมื่อโรคเป็นระยะที่ 1 คือลามลงชั้นใต้เยื่อบุมดลูก ต้องตัดมดลูกออกด้วย แต่การตัดมดลูกอย่างเดียวหรือเลาะต่อมน้ำเหลืองในช่องเชิงกรานออกด้วย ขึ้นอยู่กับความลึกของการลุกลามลงสู่ชั้นใต้เยื่อบุปากมดลูก

สำหรับการใช้รังสีรักษา ใช้ในการรักษาได้ทุกระยะ ตั้งแต่ 0 ถึง 4 (ระยะแพร่กระจาย) แต่ในระยะ 0 และ 1 จะนิยมใช้การผ่าตัดมากกว่า เพราะการผ่าตัดจะทำให้ได้ชิ้นเนื้อ รวมทั้งมดลูกหรือต่อมน้ำเหลืองมาตรวจ ทำให้ได้ข้อมูลของระยะโรคแม่นยำกว่าการรักษาด้วยรังสีเลย แต่หากผู้ป่วยมีภาวะที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ การรักษาด้วยรังสีก็สามารถให้ผลการรักษาที่ดีไม่แพ้กัน ส่วนเคมีบำบัดมีการใช้ในมะเร็งปากมดลูกที่ก้อนมีขนาดใหญ่หรือลุกลาม โดยให้ร่วมในช่วงการฉายรังสี โดยเคมีบำบัดจะช่วยให้ก้อนมะเร็งตอบสนองกับรังสีดีขึ้น นอกจากนี้จะใช้ในกรณีที่มีการแพร่กระจายของโลก แต่ผลการรักษาไม่ดีนัก ดังนั้นมะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาได้ผลดีในระยะเริ่มต้น แต่แม้ในระยะลุกลามที่โรคยังไม่แพร่กระจายไป การใช้รังสีร่วมกับเคมีบำบัดก็ยังได้ผลค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับมะเร็งหลายชนิด

โดย oOfonOo [ 14 มี.ค. 2554 : 09:19:29 ]

Member
205 ศิษย์เก่า และ 54 บุคคลทั่วไป