"สำนักงานศิษย์เก่าสัมพันธ์ มธ." ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สำนักงานธรรมศาสตร์สัมพันธ์" ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดตั้งและการแบ่งส่วนงานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2559
"รัก"อย่างไร...ไม่ไร้สติ

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ถือเป็นวันที่ทางศาสนาคริสต์ใช้เป็นวันที่ระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทน์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง แต่เขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 ก.พ. ค.ศ.270 แม้จะผ่านมาพันกว่าปีแล้ว แต่คนทั่วไปยังประทับใจในความรักและการกระทำของเขา จึงได้ยึดเอาวันที่ 14 ก.พ.ของทุกปีเป็นวันแห่งความรัก เรื่อยมาจนถึงในยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าชนชาติและศาสนาใด หรือแม้แต่ในประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน ต่างก็ยกให้วันที่ 14 ก.พ.ของทุกปีเป็นวันแห่งความรัก

หากแต่ในวันแห่งความรักนี้เอง กลับเป็นอีกหนึ่งวันที่มีอัตราเสี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือการเสียตัวของคู่รักวัยรุ่นมากที่สุดในรอบปี สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนวันแห่งความรักจะมาถึง ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้จัดงานเสวนาทางวิชาการ "รักอย่างไร ให้มีสติและสร้างสรรค์" ภายในงานสัมมนา นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. ได้ให้มุมมองด้านความรักว่า ความหมายของความรัก คือ คุณค่า การรู้จักคุณค่าของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา แต่ความรักเองก็มักจะทำให้คนขาดสติยั้งคิดมากขึ้น จนปล่อยให้เกิดเป็นการเลยเถิดกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งสติเองจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนเราเกิดการยั้งคิด ยับยั้งชั่งใจ และระวังตัวมากยิ่งขึ้น จะไตร่ตรองได้ว่าสิ่งใดห้ามได้หรือห้ามไม่ได้ หากห้ามไม่ได้จริงก็จะต้องเรียนรู้วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเป็นผลกระทบอย่างการตั้งครรภ์หรือโรคติดต่อตามมาได้อย่างไร ถึงอย่างไรในเรื่องของการป้องกันบางครั้งเอง ก็ต้องยอมรับด้วยว่าในสังคมเรายังคงตัดสินคนซึ่งเป็นเด็กหรือผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปซื้อถุงยางอนามัยในร้านสะดวกซื้อกลายเป็นคนไม่ดี ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ จึงทำให้บางครั้งการที่เด็กคนหนึ่งจะซื้อถุงยางอนามัยไปใช้ในการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่กระทำได้ยาก


โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 14 ก.พ. 2554 : 010:23:39  

ความเห็นที่ 1

"ฝั่งผู้ใหญ่เอง การสั่งห้ามหรือลงโทษบุตรหลานในด้านความรักถือเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด หากแต่การเรียกสติลูกหลานที่ดีที่สุด คือ การใช้การพูดคุยกันการรับฟังปัญหา" คุณหมอชาญวิทย์กล่าว พร้อมยังให้มุมมองอีกว่า สังคมเราในทุกวันนี้ยังขาดในเรื่องของเวลา ไม่มีเวลาให้กันที่จะนำมาใช้ในการเรียกสติ เช่น พ่อและแม่ทำแต่งานจนไม่มีเวลามาคุย มารับฟังปัญหา และเตือนสติให้แก่ลูก หรือครูในโรงเรียนเองก็ต้องรับผิดชอบนักเรียนมากจนเกินไป จนไม่มีเวลารับฟังเด็กหนึ่งคน ด้วยเหตุเหล่านี้จะทำให้เด็กหนึ่งคนเหมือนถูกทอดทิ้ง พอมีอีกหนึ่งคนเข้ามาใกล้ชิด เข้ามาพูดคุยรับฟังตัวเด็กคนนั้นทุกเรื่อง จึงนำไปสู่การเป็นความรักที่เกินเลยขาดสติได้

"ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด คือ การมีเวลาให้แก่กัน การพูดคุยกัน พ่อแม่มีเวลาให้แก่ลูก ตัวเราเองมีเวลาว่างๆ สบายๆ อยู่นิ่งเพื่อฉุดคิดในเรื่องราวต่างๆ วิเคราะห์ถึงเหตุและผลที่จะตามมา ผมเชื่อว่าถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เด็กคนหนึ่งจะไม่มีเวลาไปทำสิ่งไม่ได้หรือความรักที่เกินเลยได้"

นพ.ชาญวิทย์ยังได้พูดถึงวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึงที่มีอัตราเสี่ยงในการเสียตัวของคู่รักมากที่สุดด้วยว่า "วาเลนไทน์ คือ วันแห่งความรัก ที่หมายถึงความรักทุกสิ่งทุกอย่าง รักพ่อ รักแม่ รักต้นไม้ รักสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่คนเรามักจะนำไปตีความหมายผิด ว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันของคู่รัก เป็นวันที่ต้องทำอะไรให้กับคู่รัก เพียงแต่แท้จริงแล้วคนเรากลับไม่ได้มองว่าวันวาเลนไทน์คือวันแห่งการเตือนสติ เตือนให้ไม่จำเป็นว่าวันแห่งความรักต้องอยู่เฉพาะกับคนรักอย่างคู่รัก แต่ในวันวาเลนไทน์สามารถที่จะอยู่ได้กับคนที่เรารักทั้งพ่อและแม่ได้"

ด้านมุมมองความรักของน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ร่วมเสวนาด้วย อย่าง นัดดา แวยูโซ๊ะ หรือ นดา นักเรียนชั้น ม.6 จาก รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในฐานะผู้แทนจากสภาเยาวชนกรุงเทพฯ ให้ความเห็นว่า ความรักคือการให้ความรู้สึกดีๆ ให้ทุกๆ อย่าง ยกเว้นการให้มีเพศสัมพันธ์ เหตุผลการมีเพศสัมพันธ์เพราะความรักแล้ว เมื่อดูจากสถิติในก่อนวันที่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก อย่างวันวาเลนไทน์ และวันลอยกระทง จะพบว่าผู้ชายวัยรุ่นที่ต้องการจะมีเซ็กซ์ในช่วงของทั้ง 2 วันดังกล่าว มีมากถึงเฉลี่ย 15% ผู้หญิงที่มีความคิดจะเสียตัวให้ได้ มีอยู่ที่เฉลี่ย 2% แต่พอผลสำรวจสำเร็จหลัง 2 วันดังกล่าว กลับพบว่าคู่รักทั้งหญิงและชายมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยอยู่ที่ 7% จะเห็นได้ว่าทางฝั่งชายมีจำนวนลดลง แต่ทางฝ่ายหญิงกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า

จากสถิติดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่า ในสมัยนี้การมีความรักจนนำไปสู่มีเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ยากขึ้น จึงเห็นว่าในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์แทนที่จะเป็นการห้าม แต่หากผู้ใหญ่เปลี่ยนเป็นการป้องกันด้วยการตักเตือน ให้ความรู้ ทั้งเรื่องความรักและการใช้ถุงยางอนามัย หากในกรณีที่เกิดพลาดขึ้นมาจริงๆ วิธีเหล่านี้จึงเป็นวิธีที่สามารถป้องกันได้มากกว่าการสั่งห้าม และการหลีกเลี่ยงการให้ความรู้ในด้านนี้ เพราะถ้าสั่งห้ามไปแล้วเด็กจะเกิดความรู้สึกอยากรู้ อยากเห็น อยากลองด้วยตัวเอง



โดย oOfonOo [ 14 ก.พ. 2554 : 010:26:45 ]

ความเห็นที่ 2



"แต่ทางฝั่งเยาวชนเองก็อยากให้มองดีๆ ว่าความรักคืออะไรกันแน่ ความรักกับการมีเซ็กซ์คืออะไร อยากให้ลองตั้งคำถามด้วยตัวเองก่อนจะทำอะไรลงไปให้มาก ใช้สติในการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน อย่างรอบคอบ เพราะสิ่งนั้นหากไม่ใช่เรื่องที่เราทำได้จริงๆ ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องผิด"

รวิกานต์ เดชดี หรือ จ๊ะ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้แง่มุมว่า ความรักคือความผูกพันกับใครสักคน ที่เราเลือกแล้วว่าจะมองดูตัวเองในระยะยาวร่วมกับใคร ซึ่งการที่จะมีรักในวัยเรียนจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องดูว่าเป็นความรักในแง่ไหน มีสติมากเท่าใด อย่างคู่รักชวนกันไปดูหนัง ฟังเพลง ถือเป็นเรื่องที่ปกติ หรือหากมากกว่านั้นคงไม่ใช่เรื่องดี แต่บางครั้งการแสดงออกของความรัก ก็ยังสามารถแสดงออกได้ด้วยการชวนกันไปทำเรื่องดีๆ ใช้ช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันได้ อย่างเช่น เป็นการชวนกันไปติวหนังสือ หรือชวนกันไปออกค่ายเพื่อสังคม ค่ายปลูกป่า

"บางครั้งในเรื่องของความรักในทุกวันนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีอีกหลายปัจจัยมาทำให้การยั้งคิดของวัยรุ่นลดน้อยลง เช่น เรื่องสื่อภาพยนตร์หลายๆ เรื่องของไทยเราที่นำเสนอมุมมองด้านความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม บางเรื่องกลับนำเสนอถึงเรื่องการมีเซ็กซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงกับนำเสนอในเรื่องของการมีเซ็กซ์ในวัยเรียน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุผลเหล่านี้เองก็มีส่วนทำให้สติและการยั้งคิดของวัยรุ่นในสมัยนี้ลดน้อยลงกว่าในสมัยก่อน"

อาริสา วงษาพัด หรือ เนย นักเรียนชั้นปี 1 โรงเรียนสยามบริหารธุรกิจ วัยรุ่นอีกคนหนึ่งในวงเสวนา กล่าวว่า การมีความรักกับเพศตรงข้ามจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรักกันอย่างมีสติ อยู่ในขอบเขต ไม่ออกนอกลู่นอกทาง รู้จักห้ามใจตัวเอง เป็นการรู้จักรักให้เป็น วางตัวให้เหมาะสม ไม่ทำอะไรให้ถึงเนื้อถึงตัวกันมากจนเกินไป ไม่ทุ่มเทให้กับคนหนึ่งคนมากจนเกินไป สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คนทั้ง 2 ฝ่ายต้องปรับความเข้าใจกันให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องราวเลยเถิดจนกลับกลายมาเป็นปัญหาให้พ่อแม่และคนรอบข้าง

ส่วน พลอยนลิน วิถาระพันธ์ หรือ พลอย นักเรียนชั้นปี 1 โรงเรียนสยามบริหารธุรกิจ ให้ความเห็นว่า การรักใครสักคนต้องรักด้วยหัวใจจริง แต่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน รักอย่างมีสติ ไม่ออกนอกกรอบ คิดก่อนทำ วางตัวให้เหมาะสม อย่างเช่น ในวันวาเลนไทน์ที่คู่รักมักไปทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร การวางตัวในวันนี้จึงไม่ควรอยู่ในที่ลับตาคนกัน 2 คน แต่ถ้าหากฝ่ายชายมาขอมีเพศสัมพันธ์กันก็ควรจะปฏิเสธไปเลยว่า ถ้ารักกันจริงต้องรอได้ จากความเห็นต่างๆ ของวัยรุ่นที่อยู่ในวัยพร้อมตกหลุมรักต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หากจะรู้จักรักก็ต้องแยกแยะระหว่าง "รัก" และ "เซ็กซ์" ให้ออก เพื่อให้กลายเป็นความรักอย่างมีสติตราบนานเท่านาน ปราศจากปัญหาไม่พึงประสงค์ทั้งปวง

โดย oOfonOo [ 14 ก.พ. 2554 : 010:27:48 ]

Member
204 ศิษย์เก่า และ 54 บุคคลทั่วไป