
"ฝั่งผู้ใหญ่เอง การสั่งห้ามหรือลงโทษบุตรหลานในด้านความรักถือเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด หากแต่การเรียกสติลูกหลานที่ดีที่สุด คือ การใช้การพูดคุยกันการรับฟังปัญหา" คุณหมอชาญวิทย์กล่าว พร้อมยังให้มุมมองอีกว่า สังคมเราในทุกวันนี้ยังขาดในเรื่องของเวลา ไม่มีเวลาให้กันที่จะนำมาใช้ในการเรียกสติ เช่น พ่อและแม่ทำแต่งานจนไม่มีเวลามาคุย มารับฟังปัญหา และเตือนสติให้แก่ลูก หรือครูในโรงเรียนเองก็ต้องรับผิดชอบนักเรียนมากจนเกินไป จนไม่มีเวลารับฟังเด็กหนึ่งคน ด้วยเหตุเหล่านี้จะทำให้เด็กหนึ่งคนเหมือนถูกทอดทิ้ง พอมีอีกหนึ่งคนเข้ามาใกล้ชิด เข้ามาพูดคุยรับฟังตัวเด็กคนนั้นทุกเรื่อง จึงนำไปสู่การเป็นความรักที่เกินเลยขาดสติได้
"ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด คือ การมีเวลาให้แก่กัน การพูดคุยกัน พ่อแม่มีเวลาให้แก่ลูก ตัวเราเองมีเวลาว่างๆ สบายๆ อยู่นิ่งเพื่อฉุดคิดในเรื่องราวต่างๆ วิเคราะห์ถึงเหตุและผลที่จะตามมา ผมเชื่อว่าถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เด็กคนหนึ่งจะไม่มีเวลาไปทำสิ่งไม่ได้หรือความรักที่เกินเลยได้"
นพ.ชาญวิทย์ยังได้พูดถึงวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึงที่มีอัตราเสี่ยงในการเสียตัวของคู่รักมากที่สุดด้วยว่า "วาเลนไทน์ คือ วันแห่งความรัก ที่หมายถึงความรักทุกสิ่งทุกอย่าง รักพ่อ รักแม่ รักต้นไม้ รักสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่คนเรามักจะนำไปตีความหมายผิด ว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันของคู่รัก เป็นวันที่ต้องทำอะไรให้กับคู่รัก เพียงแต่แท้จริงแล้วคนเรากลับไม่ได้มองว่าวันวาเลนไทน์คือวันแห่งการเตือนสติ เตือนให้ไม่จำเป็นว่าวันแห่งความรักต้องอยู่เฉพาะกับคนรักอย่างคู่รัก แต่ในวันวาเลนไทน์สามารถที่จะอยู่ได้กับคนที่เรารักทั้งพ่อและแม่ได้"
ด้านมุมมองความรักของน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ร่วมเสวนาด้วย อย่าง นัดดา แวยูโซ๊ะ หรือ นดา นักเรียนชั้น ม.6 จาก รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในฐานะผู้แทนจากสภาเยาวชนกรุงเทพฯ ให้ความเห็นว่า ความรักคือการให้ความรู้สึกดีๆ ให้ทุกๆ อย่าง ยกเว้นการให้มีเพศสัมพันธ์ เหตุผลการมีเพศสัมพันธ์เพราะความรักแล้ว เมื่อดูจากสถิติในก่อนวันที่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก อย่างวันวาเลนไทน์ และวันลอยกระทง จะพบว่าผู้ชายวัยรุ่นที่ต้องการจะมีเซ็กซ์ในช่วงของทั้ง 2 วันดังกล่าว มีมากถึงเฉลี่ย 15% ผู้หญิงที่มีความคิดจะเสียตัวให้ได้ มีอยู่ที่เฉลี่ย 2% แต่พอผลสำรวจสำเร็จหลัง 2 วันดังกล่าว กลับพบว่าคู่รักทั้งหญิงและชายมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยอยู่ที่ 7% จะเห็นได้ว่าทางฝั่งชายมีจำนวนลดลง แต่ทางฝ่ายหญิงกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า
จากสถิติดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่า ในสมัยนี้การมีความรักจนนำไปสู่มีเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ยากขึ้น จึงเห็นว่าในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์แทนที่จะเป็นการห้าม แต่หากผู้ใหญ่เปลี่ยนเป็นการป้องกันด้วยการตักเตือน ให้ความรู้ ทั้งเรื่องความรักและการใช้ถุงยางอนามัย หากในกรณีที่เกิดพลาดขึ้นมาจริงๆ วิธีเหล่านี้จึงเป็นวิธีที่สามารถป้องกันได้มากกว่าการสั่งห้าม และการหลีกเลี่ยงการให้ความรู้ในด้านนี้ เพราะถ้าสั่งห้ามไปแล้วเด็กจะเกิดความรู้สึกอยากรู้ อยากเห็น อยากลองด้วยตัวเอง
โดย oOfonOo [ 14 ก.พ. 2554 : 010:26:45 ]