ร่วมชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อต้อนรับศักราชใหม่กันด้วยการฟังบรรยายธรรมภายใต้หัวข้อ "ธรรมบรรณาการ ขับขานปีกระต่าย"
จากพระครูสิริธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดละหาร จังหวัดนนทบุรี กิจกรรมดีๆ ที่ทางโรงพยาบาลนครธนได้จัดขึ้น เพื่อช่วยทำให้จิตใจแข็งแรงสมบูรณ์ ผ่านธรรมะ 9 ข้อ ที่หากน้อมนำไปใช้แล้วจะนำมาซึ่งความสุขกายสุขใจต่อผู้ปฏิบัติ พระครูสิริธรรมภาณ กล่าวถึงธรรมะ 9 ข้อที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถมีความสุขได้ตลอดไปนั้น เริ่มจากธรรมะข้อแรกคือ "การยิ้มให้ออก" สำหรับการยิ้มให้ออกนั้นประกอบด้วยสองเรื่องหลักๆ คือ หนึ่ง การมองโลกในแง่ดี เพราะการมองโลกในแง่ดีนั้น จะช่วยทำจิตใจเป็นสุขและสามารถยิ้มออกได้ พร้อมกันนี้ พระครูสิริธรรมภาณได้ยกตัวอย่างชายขาเป๋ ที่มักชอบโทษตนเองว่าทำไมเกิดมาขาเป๋ แต่ขณะเดียวกันหากชายขาเป๋รู้จักมองโลกในแง่ดี เขาก็จะรู้สึกว่าอย่างน้อยตนเองก็เกิดมามีขาครบทั้ง 2 ข้าง ไม่ได้พิการหรือเกิดมามีขาข้างเดียว หรือพิการทั้งแขนและขาอย่างเช่นคนพิการซ้ำซ้อน เป็นต้น และหากชายขาเป๋คิดได้เช่นนั้นเขาก็จะยิ้มออกมาได้
ส่วนเรื่องที่ 2 นั้น คือ การปลงให้เป็น เพราะทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีดีและชั่วปะปนกันไป เช่นเดียวกับเหรียญบาทที่มี 2 ด้าน ซึ่งมีทั้งด้านดีและด้านร้ายนั่นเอง ดังนั้น หลักของการปลงคือ หากมีสิ่งใดที่ทำให้เราไม่พอใจและไม่ถูกใจก็ควรปล่อยวาง และคิดว่าทุกอย่างนั้นย่อมมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายปะปนกันไป หรือพูดง่ายๆ ว่า มีเกิดก็ย่อมต้องมีดับ เป็นต้น เมื่อคิดได้เช่นนั้นจิตใจของเราก็จะไม่เป็นทุกข์ พระครูสิริธรรมภาณกล่าว ธรรมะข้อที่ 2 คือ "กินให้อิ่ม" ซึ่งมีสองความหมาย คือ
1.การหาหรือการออมทรัพย์ไว้เพื่อให้พอกินในยามแก่ชรา โดยที่เราไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น
2.การเลือกกิน ซึ่งการเลือกกินนั้น พระครูสิริธรรมภาณ กล่าวว่า คือการที่เราเลือกรับประทานในสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น ผักหรือผลไม้ที่สามารถหาได้ภายในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ของเรา โดยไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาหรือรับประทานอาหารเลิศรสจากประเทศใดๆ เลย
ธรรมะข้อที่ 3 คือ "งานให้อึด" พระครูสิริธรรมภาณกล่าวถึงการทำงานในแต่ละช่วงวัยว่า จะมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่การทำงานให้อึดในที่นี้ หมายถึงการทำบุญและทำทานเพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน ซึ่งถือเป็นงานที่ปู่ย่าตายายควรที่จะปลูกฝังให้ลูกหลานปฏิบัติสืบต่อไปนั่นเอง
ธรรมะข้อที่ 4 คือ "เงินให้ออม" โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีอายุมากแล้วนั้น ควรเก็บออมเงินไว้ใช้ในยามแก่ชรา และหากจำเป็นต้องมีการแบ่งทรัพย์สินต่างๆ พ่อแม่ไม่ควรแบ่งให้ลูกหลานหมด แต่ควรเหลือไว้ส่วนหนึ่งสำหรับที่ตนเองจะใช้ประกอบอาชีพหรือทำกิจการต่างๆ ในยามที่ต้องอยู่ห่างไกลลูกหลาน
โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 27 ม.ค. 2554 : 010:27:12