
แทบไม่น่าเชื่อว่าคนไทยทุกวันนี้ จะควักปืนฆ่ากันเพียงเพราะขับรถปาดหน้า หรือไม่ให้ขับแซง...ดังเหตุการณ์สะเทือนใจที่เด็กวัย 12 อย่าง น้องโตมี่ หรือ ด.ช.โภคิน ดีผิว ต้องเสียชีวิต เพียงเพราะคู่กรณีไม่พอใจเรื่องไม่ให้แซงรถถึงขั้นควักปืนไล่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามยิงถล่มถึง 10 นัด
หรือกรณีล่าสุด กัปตันสายการบินไทย ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช ถูกคนร้ายขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ไล่ยิงเป็นระยะทางร่วม 7 กม. จนได้รับบาดเจ็บบริเวณสะบักด้านซ้าย บนทางพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี สาเหตุเพียงเพราะการเปิดไฟกะพริบใส่!!
นพ.ธีระ ลีลานันทกิจ ที่ปรึกษาสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา วิเคราะห์ว่า คนที่อยู่บนท้องถนนเมืองไทยโมโหง่ายขึ้น เกิดจากความเครียดสะสม ทำให้มีอาการหุนหันพลันแล่น นำไปสู่การทำร้ายคนอื่นเพราะ "บันดาลโทสะ" แม้ไม่มีตัวเลขแน่นอนว่าคนยิงกัน หรือทำร้ายกันในท้องถนน เพราะบันดาลโทสะกี่คดี แต่เริ่มมีคนไข้และญาติเข้ามาขอรับคำปรึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะแล้ว ตัวอย่างเช่น คนไข้ที่สารภาพว่า ตัวเองเป็นคนใจเย็น ธรรมะธัมโมแต่พออยู่หลังพวงมาลัยแล้ว ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เพียงแค่มีใครมาขับรถแซง หรือขับรถกระชั้นชิดจะโมโหมาก ใช้วาจาด่าทอหยาบคายทำให้แฟนทนไม่ได้ทุกครั้ง จนต้องทะเลาะกันระหว่างขับรถตลอดเวลา
"หรือบางคนอาจเป็นคนดี หน้าที่การงานดี แต่เวลาขับรถไม่ยอมให้ใครแซงเด็ดขาด หากไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือไฟขอทาง ถ้าใครทำเขาจะโกรธมากและอยากลงไปทำร้าย ซึ่งเขาก็ไม่รู้ตัวเองว่าทำไม จากการวิเคราะห์คนไข้กลุ่มนี้เบื้องต้น ส่วนใหญ่เป็นพวกช่างระเบียบ หรือคนที่ชอบจัดการทุกอย่างให้อยู่ในระบบระเบียบ กลุ่มนี้เวลาอยู่ในสภาพแวดล้อมทั่วไป เขาสามารถจัดการทุกอย่างได้ดังใจ แต่เวลาอยู่บนท้องถนน เขาไม่สามารถบังคับให้ถนนโล่งหรือบังคับรถไม่ให้ติด หรือสั่งแท็กซี่ให้เปิดไฟเลี้ยวได้ เวลาที่โดนขับปาดหน้าจะรู้สึกเครียดเพราะไม่เป็นระเบียบ ยิ่งถ้าโดนแซงแบบผิดกฎจราจรจะไม่ยอมเลย ถ้ายังควบคุมอารมณ์โกรธได้ก็ไม่เป็นไร แต่บางคนทนไม่ได้ต้องการทำร้ายคู่กรณี"
จิตแพทย์แนะนำว่า ใครที่รู้สึกว่าตัวเองมีอาการข้างต้นควรปรึกษานักจิตวิทยา ส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้จะไม่รู้ตัว และไม่เข้ารับการรักษา ถ้าใครมีอาการไม่มากก็อยากแนะนำให้ตั้งสติ กำหนดจิตตัวเองไม่ให้โมโห หรือคิดแง่บวก ทำเป็นเรื่องตลกไป แต่ถ้าใครรู้ตัวว่าทนไม่ได้ เวลาที่ถูกแซงอยากจอดรถลงไปฆ่าทิ้งให้หมด ญาติควรพาคนกลุ่มนี้มาพบจิตแพทย์ก่อนเหตุการณ์จะรุนแรงไปกว่านี้ ปัจจุบันมี "ยาลดโมโห" ที่กินเข้าไปแล้วช่วยให้อารมณ์เย็น ไม่ต้องหุนหันพลันแล่นหรือบันดาลโทสะใส่ผู้อื่น ลักษณะคล้ายยาลดความเครียด ทั้งนี้ ยาลดโมโหมีหลายประเภท ซึ่งแพทย์ต้องตรวจวินิจฉัยคนไข้ก่อน หากเกิดจากสารเคมีในสมองผิดปกติ ต้องให้ยาที่ปรับสมดุลของสารเคมี หรือคนไข้บางคนอาจเป็นน้ำตาลในเลือดต่ำ ต้องเลือกใช้ยาปรับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม คนไข้ไม่ควรซื้อยากินเอง หรือไปขอเพื่อนกิน เพราะอาจมีผลข้างเคียงอย่างอื่นได้
โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 24 ม.ค. 2554 : 010:32:04