...ต่อ...
"แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับจะบอกกับแม่เหมือนกันครับ คือ
ในวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน โรงเรียนของน้องได้แจ้งให้ผู้ปกครองไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียน ในวันพบผู้ปกครอง
คุณครูของน้องยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า
เรียงความของน้องได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อน ๆของน้องนะครับ ผมถึงทราบ
ดังนั้น ในวันนั้น ผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่ไปร่วมในงานวันพบผู้ปกครองของน้อง”
"จริงหรือลูก แล้วต่อมาล่ะ”
"หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ “ความปรารถนาของข้าพเจ้า"
น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชามมาเขียนเป็นเรียงความ แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย”
เรียงความเขียนว่า…
หลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว
ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย เพื่อที่จะชำระหนี้
คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน
แม้แต่เรื่องของผมที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์ น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย…”
ยังมีอีก น้องยังเขียนถึงในคืนวันที่ 31 ธันวาคม
พวกเราสามคนแม่ลูกได้มาล้อมวงกันกินบะหมี่น้ำอร่อยมาก…
สามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว
คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก
แล้วยังอวยพรวันปีใหม่ให้พวกเราอีก
เสียงเหล่านั้นเหมือนกับว่าให้กำลังใจให้เข้มแข็ง ที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไป
พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อให้หมดให้เร็วที่สุด…”
ด้วยเหตุนี้น้องจึงได้ตัดสินใจว่าโตขึ้น น้องจะเปิดกิจการร้านบะหมี่
แล้วจะต้องเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย
แล้วยังจะให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคน…ขอให้มีความสุขครับ…ขอบคุณครับ…”
สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่จู่ๆก็หายตัวไป
พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลยเพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ
ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง
พยายามซับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดเหมือนทำนบพังนั้นอย่างไม่ลดละ
พอน้องอ่านเรียงความจบ คุณครูก็พูดว่า
วันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่
ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ
"จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรหล่ะ”
"ก็มันกระทันหันเกินไป ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ผมจึงพูดว่า…ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดีน้องผมม
ต้องไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน
ดังนั้นในเวลาที่เพื่อนๆทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็น ก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่าง ๆไม่ได้
เพราะต้องรีบกลับบ้าน เมื่อเป็นอย่างนี้คงจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันพอสมควร
เมื่อครู่นี้ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม
ผมรู้สึกอายมาก แต่พอได้เห็นน้องยืดอกอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชามด้วยเสียงอันดังนั้นจนจบ
ถึงได้รู้สึกว่าความรู้สึกอายเมื่อสักครู่นี้ถึงจะเรียกว่า
"เป็นความอายจริงๆ“
“หลายปีมานี้ ความกล้าของคุณแม่ที่จะสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามนั้นเพื่อกินกันสามคนนั้น
ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด ผมและน้องจะต้องขยันและดูแลแม่เป็นอย่างดี
และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ”
สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบๆ ตบไหล่ กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุกๆปี
จ่ายเงินไปสามร้อยเยน กล่าวขอบคุณ ค้อมตัวลงเคารพและเดินออกจากร้านไป
มองตามหลังสามแม่ลูกไป เจ้าของร้านจึงได้รู้สึกว่าปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริง ๆ
พร้อมกับกล่าวว่า
"ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)”
โดย tu-acgorgai [ 5 พ.ย. 2551 : 010:05:07 ]