
"อุบัติเหตุชนท้าย กรณีรถจอดข้างทาง"ภัยใกล้ตัวที่กำลังคุกคามความปลอดภัยทางถนนของสังคมไทย โดยเฉพาะการชนท้ายในกรณีของรถเสียที่จอดอยู่บริเวณไหล่ทาง ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้จอดรถ และผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนที่มองไม่เห็นรถที่จอดอยู่ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุการ "ชนท้าย" บ่อยครั้งและมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต
ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความตระหนักในระดับบุคคลเท่านั้น แต่รวมถึงการขาดมาตรการที่เข้มงวดและจริงจังในการจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งทางภาครัฐอาจจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการแก้ไขและป้องกันภัยดังกล่าวในเชิงรุกอย่างจริงจัง
"ชนท้าย" เป็นรูปแบบการชนซึ่งพบเห็นได้บ่อยจนเกิดเป็นความคุ้นชินในสังคมไทย หากเป็นการชนท้ายบริเวณทางแยก มักมีความรุนแรงไม่มาก แต่หากทางตรงที่ผู้ขับขี่ ขับมาด้วยความเร็ว "การชนท้าย" จะส่งผลให้เกิดความรุนแรงอย่างมากเพราะเป็นการปะทะกันระหว่างวัตถุที่เคลื่อนที่มาด้วยความเร็วกับวัตถุที่หยุดนิ่ง ความรุนแรงย่อมมากกว่าการชนของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
หาก "คน" กับ "รถ" ที่วิ่งมาชนโดยไม่ได้แตะเบรก คงไม่ต้องใช้จินตนาการใดๆ ในการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปะทะ
ตัวอย่างความสูญเสียจากความรุนแรงของการ "ชนท้าย" มีให้เห็นซ้ำซากและหากเจ้าของรถมีพฤติกรรมเสี่ยงประกอบด้วย อาทิ พักผ่อนน้อย เมาสุรา ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจในการหยุดรถอย่างปลอดภัย นั่นแปลว่า กว่าเท้าจะแตะเบรก ก็อาจไม่ทันการในการควบคุมพาหนะให้พ้นเหตุอันตรายได้
ดังตัวอย่างล่าสุดของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ที่จังหวัดสิงห์บุรี เกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถปิกอัพบรรทุกหน่อไม้ ซึ่งเกิดเหตุยางแตกจอดอยู่ข้างทางเพื่อเปลี่ยนยาง ซึ่งแม้ว่ารถบรรทุกจะจอดอยู่บริเวณไหล่ทาง ซึ่งดูแล้วก็น่าจะปลอดภัย แต่เนื่องจากรถที่บรรทุกจอดไม่ได้ให้สัญญาณไฟกะพริบ หรือกรวยจราจรคาดแถบสะท้อนแสง จึงเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งเมาสุรา ที่ขับรถมาด้วยความเร็วชนท้ายรถบรรทุกอย่างจังและเสียชีวิตคาที่ทันที
ในวันถัดมา 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ที่จังหวัดมุกดาหาร หญิงท้องแก่ขับขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุกพร้อมลูกที่อยู่ในครรภ์ 5 เดือน เหตุจากการไม่มีสัญญาณไฟท้าย หรืออุปกรณ์เตือนภัยข้างทางเช่นเดียวกัน ได้คร่าชีวิตทั้งสองแม่ลูกทันทีที่เกิดเหตุ
โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 20 ธ.ค. 2553 : 08:55:55