"สำนักงานศิษย์เก่าสัมพันธ์ มธ." ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สำนักงานธรรมศาสตร์สัมพันธ์" ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดตั้งและการแบ่งส่วนงานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2559
10 ข้อ ปฏิบัติรับลมหนาว

ทันทีที่เปลี่ยนผ่านจากเดือนตุลาคมเดือนแห่งสายฝนชุ่มฉ่ำ เข้าสู่ต้นเดือนพฤศจิกายน ลมหนาวแผ่วๆ ก็พัดมาสัมผัสผิวกายให้หลายๆ คนได้รู้สึกว่า ฤดูหนาวเวียนมาถึงอีกครั้ง แต่ต้องไม่ลืมว่าหากไม่ระมัดระวังตัว ความหนาวเย็นก็อาจกลายเป็นภัยจนสร้างความทุกข์ใจได้ไม่น้อย แม้ขณะนี้ตัวเลขผู้ประสบภัยหนาว จนถึงขั้นเสียชีวิตจะไม่มากเท่ากับผู้ประสบอุทกภัย แต่ความหนาวเย็นก็กระจายตัวไปในหลายพื้นที่

จนถึงวันที่ 10 พ.ย. 2553 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประกาศให้พื้นที่ที่มีอากาศหนาวอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 13-15 องศาเซลเซียสเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) แล้ว 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน น่าน ลำพูน เชียงราย เพชรบูรณ์ อุดรธานี สกลนคร เลย ขอนแก่น และนครพนม พร้อมกับแจ้งเตือน 60 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางว่า ในช่วงฤดูหนาวปีนี้มีโอกาสที่จะหนาวและหนาวจัด ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ซึ่งเป็นผลจากปรากฏการณ์ลานีญา

จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นหรือนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ยอดนิยมในช่วงหน้าหนาว ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อหลีกเลี่ยงจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น จะได้ใช้ชีวิตกับลมหนาวอย่างอบอุ่น เป็นสุขปลอดจากอุบัติภัยและไร้โรคเบียดเบียน

นายภานุ แย้มศรี ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (มท.) แนะนำว่า การใช้ชีวิตช่วงอากาศหนาวเย็น ควรปฏิบัติอย่างน้อย 10 ข้อ ได้แก่

1.ในการใช้ชีวิตปกติควรหาเครื่องกันหนาวที่เหมาะสมกับสภาพอากาศมาใช้ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนระหว่างนอนควรห่มผ้าหนาๆ และทำร่างกายให้อบอุ่น

2.ควรซ่อมแซมบ้านเรือนที่มีช่องโหว่ ป้องกันไม่ให้ลมหนาวเข้า จนสร้างความหนาวเย็นให้กับร่างกาย

3.การก่อไฟให้ร่างกายได้รับความอบอุ่น ต้องระวังไม่ก่อไฟในจุดที่ใกล้กับวัตถุที่เป็นเชื้อไฟและติดไฟง่าย เช่น ผ้าห่มหรือที่นอน

4.การดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะได้ไม่ป่วยเป็นโรคฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นมากในช่วงหน้าหนาว

5.ระวังการเกิดไฟป่าและหมอกควัน เนื่องจากในช่วงหน้าหนาวอากาศจะแห้ง เกิดไฟป่าได้ง่ายและอาจจะลุกลามติดบ้านเรือนได้


โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 1 ธ.ค. 2553 : 08:55:00  

ความเห็นที่ 1
6.การเดินทางที่ต้องใช้รถใช้ถนน ควรเปิดไฟรถให้เหมาะสมกับทัศนวิสัย ด้วยการเปิดไฟตัดหมอกในพื้นที่ที่มีหมอกควันมาก จะช่วยให้มองเห็นข้างหน้าชัดขึ้นและคนอื่นจะมองเห็นเราชัดด้วย

7.การท่องเที่ยวในช่วงที่มีอากาศหนาว โดยเฉพาะการกางเต็นท์นอน มักจะเกิดเหตุการณ์ก่อไฟโดยใช้เตาแก๊สแบบพกพาจุดในเต็นท์พักแรม ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในเต็นท์มากและอาจทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิต และควรหลีกเลี่ยงการก่อกองไฟใกล้เต็นท์ที่พัก เนื่องจากอาจจะมีลมพัดจนสะเก็ดไฟปลิวไปตกและลุกลามติดเต็นท์จนนักท่องเที่ยวถูกไฟคลอก

8.ช่วงหน้าหนาวทัศนวิสัยในการมองเห็นจะสั้นลง การหามุมกล้องสวยๆ ดีๆ ในการถ่ายภาพ บางครั้งอาจจะเป็นหน้าผาเสี่ยงพลัดตกหรือมีตะไคร่เกาะหินทำให้ลื่นล้มได้ง่าย

9.บ้านเรือนที่มีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรตรวจเช็คสภาพเครื่องทำน้ำอุ่นและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัย โดยเฉพาะเบรกเกอร์ สายไฟ สายดิน

10.เกษตรกรควรหาวัสดุห่อหุ้มพืชผลทางการเกษตรไม่ให้ได้รับความเสียหาย จะได้ขายได้ราคาดีคุ้มกับต้นทุนที่ลงทุน

นอกเหนือจากนี้ การเลือกรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงยืนหยัดสู้กับอากาศหนาวได้ โดยอาหารประเภทแป้งและไขมันจะให้พลังงานทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ส่วนอาหารที่มีรสเปรี้ยว ขม และเผ็ด ช่วยให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย และควรดื่มน้ำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 1 ลิตร ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นไม่เหี่ยว และแตกง่าย

หากปฏิบัติได้ตามนี้ จะทำให้หน้าหนาวกลายเป็นความหนาวเย็นที่ไม่สร้างความลำบากให้กับหลายๆ คน และไม่ต้องป่วยเป็นโรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูหนาวตามที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ประกาศเตือนให้ระวังอย่างน้อย 6 โรค คือโรคไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคไต และโรคโลหิตจาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพิเศษที่มีภูมิต้านทานต่ำ 3 กลุ่ม คือกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

สำหรับผู้ที่ต้องการขอความช่วยเหลือหรือบริจาคสิ่งของ รวมถึงการเป็นอาสาสมัครให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ แก่ผู้ที่ประสบภัยหนาว สามารถเข้าดูข้อมูลพื้นที่ภัยหนาวได้ที่เว็บไซต์ไทยฟลัด (www.thaiflood.com) ติดต่อประสานงานได้ที่ www.webmaster@thaiflood.com หรือโทรสอบถามที่ 0-2101-2900(30คู่สาย)

ซึ่งเว็บไซต์นี้ถือเป็นองค์กรแรกๆ ที่เริ่มเคลื่อนไหวในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแบบใช้จิตอาสา จนกลายเป็นชุมชนออนไลน์ที่ขยายเครือข่ายและความช่วยเหลือเป็นวงกว้างในหลากหลายรูปแบบ


โดย oOfonOo [ 1 ธ.ค. 2553 : 08:59:32 ]

Member
204 ศิษย์เก่า และ 54 บุคคลทั่วไป