
เคยได้ยินคำว่า "กองทัพเดินได้ด้วยท้องไหมคะ" ความหมายก็คือ คนเราในแต่ละวันทำงานนั้น ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ต้องดูแลให้ท้องอิ่มก่อนก็จะสามารถประกอบการงานต่างๆ ได้อย่างลุล่วง
โดยวันหนึ่งนั้นสำหรับกลุ่มคนทำงานที่ไม่ได้เป็นงานการใช้แรงกายหนักๆ แล้วล่ะก็ ความต้องการพลังงานหากคิดเป็นตัวเลขออกมา จะอยู่ที่1,250-1,500 กิโลแคลอรีต่อวัน ซึ่งถ้าได้รับพลังงานตามนี้ สมองเราก็จะแจ่มใส มีสมาธิดี ดังนั้นไม่ควรให้น้อยไปกว่านี้ และในทางตรงกันข้ามก็ไม่ควรรับประทานให้มากเกินไป ไม่ต้องคิดเผื่อเรื่องสะสมพลังงาน เพราะว่ามันจะไม่แปรเป็นพลังงาน แต่จะเป็นไขมันให้เราต้องเผชิญกับอาการอ้วนแทน
ถ้าลองยกตัวอย่างกันคร่าวๆ การรับประทานใน 1 วัน เพื่อให้ได้พลังงาน 1,250-1,500 กิโลแคลอรีนั้น หน้าตาอาหารของเราต่อวันจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง มาดูหมวดแป้งกันก่อน ไม่ว่าจะเลือกรับประทานข้าว ขนมปัง หรือแป้งชนิดใด ควรอยู่ที่ประมาณ 5-6 ทัพพี หรือแผ่น นม 1 แก้ว ผักสดผักต้ม 3-4 ทัพพี น้ำตาลไม่เกินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ เนื้อสัตว์ 6-8 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชปรุงอาหารไม่เกิน 3 ช้อนชา ผลไม้ น้ำ วันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อย
ส่วนคนที่ต้องใช้สมองมากๆ ก็ต้องเลือกสรรอาหารให้เหมาะเพื่อไปบำรุงสมองด้วย พวกข้าวแป้ง ต้องเลือกแบบที่ผ่านกระบวนการขัดสีให้น้อยที่สุด เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปัง
โฮลวีต รวมไปถึงน้ำตาลควรเลือกนำตาลทรายแดงมากกว่า เพราะสิ่งที่สมองต้องการก็คือวิตามินและแร่ธาตุทั้งหลายส่วนอาหารเสริมนั้นแทบจะไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารได้ตามปกติ ถ้าเป็นในกรณีเจ็บป่วย เบื่ออาหาร รับประทานอะไรไม่ลง นั่นจึงจะเป็นเวลาของเหล่าอาหารเสริม
คราวนี้ลองมาดูแบบเจาะลึกลงว่าคนทำงานควรได้รับสารอาหารใดบ้าง และก็อย่าลืมว่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขอย่ามากและอย่าน้อยเกินความต้องการพลังงานในแต่ละวัน
1. ข้าวกล้อง ข้าวกล้องมีวิตามินบีและอีสูง เพิ่มพลังสมองในการทำงาน ป้องกันโรคเหน็บชาที่คนนั่งโต๊ะทำงานนานๆ มักจะเป็นกัน แถมยังป้องกันโรคสมองเสื่อมในอนาคตได้ด้วย
2. วิตามินบี มีอีกชื่อหนึ่งว่า "สารให้ความกระปรี้กระเปร่า" มีอยู่ในข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต จมูกข้าว ถั่ว เมล็ดทานตะวัน นม กล้วยส้ม เป็นต้น คนที่ทำงานนานจนล้าห้ามพลาด
3. วิตามินซี ที่อยู่ในผักและผลไม้ เช่น ฝรั่ง สตรอเบอร์รี น้ำส้มคั้น มะละกอ บรอกโคลีกะหล่ำปลี ถั่วงอก ฯลฯ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากในการสร้างฮอร์โมนระงับความเครียด จะได้ทำงานอย่างสดใสไปทั้งวัน
4. น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ไขข้ออักเสบ ช่วยลดอาการปวดรอบเดือนและระงับอาการซึมเศร้า เบื่อหน่ายจากการทำงานได้ด้วย
5. ผักใบเขียว อย่างตำลึง คะน้า เป็นอาหารกลุ่มโครินที่มีวิตามินบี ซึ่งช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ
6. ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันอาการอ่อนเพลีย และการเป็นตะคริวจากการนั่งหรือยืนนานๆแถมยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสด้วย คนที่ทำงานในห้องแอร์ตลอดวันยิ่งควรดื่มบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง
7. น้ำใบบัวบก ทำงานมาทั้งวันช่วงบ่าย ก็คงจะเพลีย ขอแนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกเพราะเป็นน้ำเพิ่มพลังชั้นยอดเป็นยาบำรุงแก้อ่อนเพลียช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เสริมสร้างความจำและช่วยให้สมองทำงานได้ดีด้วย
โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 29 พ.ย. 2553 : 09:57:25