การทวนกระแสนี้ เป็นการเดินตามรอยของพระอรหันต์
ถ้าไม่ทวนแล้วก็ตามไม่ได้
นี่แหละชีวิตของการปฏิบัติธรรม
ต้องอดทนต่อสู้มากมายหลายประการนัก
เพราะเป็นการทวนกระแสทั้งนั้น
ยิ่งพิจารณาแล้วมันจะยิ่งน่าพยายามให้มากเข้า
เพราะว่าที่จะล่องลอยไปตามกระแสนี้
มันกระแสของทุกข์โดยส่วนเดียว
แต่การที่จะต้องอดทนต่อสู้กับการทวนกระแสนี้มันได้ช่อง
คือว่า มันได้หายใจโล่งๆ ขึ้นมาในขณะที่มันทวนได้
หรือว่ามันอดทนได้แล้วมันก็ปล่อยวางได้
มันก็ค่อยโล่งอกโล่งใจขึ้นมา
ถ้าไม่ได้พบลักษณะอย่างนี้ ก็จะวิ่งตามกระแสมาร ตามกระแสกิเลส แล้วก็ทุกข์เรื่อยไป
หนักเข้าก็ไม่มีหนทางที่จะทวนกระแสได้ เพราะว่ามันอ่อนแอ
เนื่องจากมันจะชอบเอาความสะดวกสบายหลายๆ อย่าง
เพื่อเนื้อหนังอย่างเดียว
ส่วนที่จะทวนกระแสความรู้สึกของอำนาจกิเลสมันไม่ใช่ง่าย
เพียงแต่ว่าจะละตัณหาเท่านี้ก็ยังไม่ใช่ง่าย
เช่น ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย ที่มันเหมือนกับเกลียวน้ำวน
ที่วนเวียนอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกายทั้งนั้น
ล้วแต่ตกหล่มจมอยู่ในเกลียวนี้
แล้วก็ลองพิจารณาดูเถิดว่า
คำสอนของพระพุทธเจ้านี่ละเอียดเพียงใด
แต่ละข้อๆ มันจะน่าคิดค้นสนใจสักเท่าไร
ควรที่จะต้องนำเอามาประพฤติปฏิบัติด้วยจิตใจทั้งนั้น
ไม่ใช่อ่านผ่านๆ ไป
หรือจำเอามาพูดอธิบายกันได้
นี่ต้องเอามาย้ำซ้ำซากอยู่ในจิตในใจเสมอ
เอาเพียงข้อเดียวไม่ต้องเอามากก็ได้
ที่จะต้องเอามาพิจารณาแล้วพิจารณาอีก กลั่นกรองให้ละเอียดลึกซึ้ง
นั่นแหละถึงจะเกิดสติปัญญาขึ้นมาได้
ไม่ใช่จำเอามาพูดได้
เสร็จแล้วก็ลืมเลือนเชือนแชไปอื่น
ทั้งนี้ส่วนมากก็เป็นอยู่อย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้น
พูดได้มาก แต่แล้วมันก็หลง
เพราะฉะนั้นคนที่พูดน้อยนี่จะต้องเอามาพิจารณาด้วยใจจริง
เกิดสติปัญญาแล้วมันพูดน้อย
แล้วก็ดับทุกข์ดับโทษให้เบาบางไปได้
โดย boontisa [ 23 พ.ค. 2551 : 13:37:40 ]