ณมีเงินเก็บเหลือถึง 50,000 บาทไหม ในช่วงวิกฤตโควิดระลอกนี้

ต่ออายุไปอีกครั้งของมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของรัฐบาล หลังจากที่ล้มเหลวเต็มรูปแบบในการรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ของรัฐบาล ที่ไม่สามารถจัดหาวัคซีนมาได้ตามความต้องการของประชาชน เตียงล้น แพทย์ล้า

แต่ก็ยังไม่เน้นการแก้ปัญหา ไปโฟกัสเรื่องการควบคุมสื่อที่นำเสนอความความจริง เรียกได้ว่าล้มเหลวโดยสมบูรณ์แบบ และนั่นแปลว่าความรุนแรงทางเศรษฐกิจจะขยายเวลาออกไปนานขึ้น

คำถามที่อยากชวนคุยสัปดาห์นี้ก็คือ คุณมีเงินเก็บเหลือถึง 50,000 บาทไหม? ทำไมต้องเป็นตัวเลข 50,000? มีข้อมูลพบว่าคนไทยที่มีเงินเก็บถึง 50,000 บาทนั้นมีจำนวนน้อยมาก

ซึ่งสำหรับบางคนต้องใช้เวลาเก็บถึง 2-3 ปีถึงจะมีได้ 50,000 บาท คราวนี้สมมติถ้าคุณมี ลองคำนวณหรือยังว่าจะอยู่ได้กี่เดือน ยิ่งในภาวะที่คุณยังต้องผ่อนชำระหนี้ เช่น บ้าน รถยนต์ หรือสินค้าเงินผ่อนอยู่ด้วย

ถ้าดูแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างมองโลกในแง่ดีที่สุดก็คือปลายปีนี้ หรือถ้าอย่างแย่ที่สุดก็อาจจะไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า แปลว่าเราอาจจะต้องอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไปอีก 3-9 เดือน

ถ้าหากคุณไม่ใช่ข้าราชการที่ไม่ได้รับความเดือดร้อน แต่เป็นคนทำงานเอกชนที่บริษัทเริ่มส่งสัญญาณว่าจะไม่ไหวแล้ว หรือถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้า ช่วงนี้เรียกได้ว่าวิกฤตมากเรื่องสภาพคล่องและกระแสเงินสดในมือ

สำหรับคนที่ไม่มีหนี้ 50,000 บาทถ้าเราใช้อย่างประหยัดที่สุดอาจจะอยู่ได้ถึง 5-6 เดือน และหวังว่าจะประคับประคองให้ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ชนิดที่ว่าแทบไม่เหลือเงินเก็บ ส่วนคนที่มีมากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่มาจากการวางแผนการเงินของคุณมาโดยตลอด ส่วนถ้ามีไม่ถึงตอนนี้เรียกว่าวิกฤตมาก ๆ เพราะแทบจะไม่มีทางเลือกใด ๆ เหลือเลย และถ้ายิ่งมีหนี้เรียกว่าภาวะมืดแปดด้าน

ไม่เคยมีช่วงไหนในชีวิตกว่า 36 ปี ของผมที่รู้สึกว่าเราต้องเจอกับสภาวะที่ยากลำบากขนาดนี้ ทั้งที่มีประสบการณ์ร่วมสมัยวิกฤตต้มยำกุ้งในวัยเด็ก ตอนทำงานก็ผ่านทั้งน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาแล้ว ขอให้กำลังใจทุกคนประคับประคองผ่านไปให้ได้ หากผ่านไปโดยบาดเจ็บน้อยที่สุดก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ

คอลัมน์ #มีสลึงพึงบรรจบ โดย Mr.Priceless
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: