
การที่จะเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างสวยงามเปี่ยมไปด้วยพลังนั้น กระดูกสันหลังต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีสุขภาพดี และมีความยืดหยุ่นมาก ปัญหาเรื่องโรคกระดูกสันหลัง อาจเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายคน แต่ถ้ามองให้ลึก ทุกคนควรดูแลกระดูกสันหลังของตัวเองให้ดี เพราะกระดูกสันหลังไม่เพียงแต่เป็นโครงสร้างที่สำคัญของร่างกาย ยังช่วยปกป้องระบบประสาทส่วนกลางให้ทำงานได้ตามปกติอีกด้วย หากกระดูกสันหลังมีปัญหา การควบคุมและประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็จะมีปัญหาตามไปด้วย
ปัญหากระดูกสันหลังที่พบในปัจจุบันส่วนใหญ่ เป็นเรื่องกระดูกสันหลังคดในเด็ก ส่วนผู้ใหญ่จะเป็นเรื่องหักพรุน และเสื่อม อาจมีเรื่องกระดูกคดบ้าง
- ในเด็ก ยังไม่ราบสาเหตุที่ชัดเจน อาจเป็นพราะกรรมพันธุ์ หรือฮอร์โมนใต้สมองทำงานผิดปกติ เด็กจึงพัฒนาไม่เต็มที่
- ในผู้ใหญ่ อาจมาจากอุบัติเหตุ การหัก หรือการเสื่อมของกระดูกสันหลัง บางรายอาจเป็นไม่มาก จึงไม่แสดงอาการใดๆ ในวัยเด็ก แต่มากำเริบเมื่อโตขึ้นก็ได้ ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดรุนแรง
เมื่อกระดูกสันหลังคด ตัวก็จะเอียง ใส่เสื้อเปิดหลังโชว์ไม่ได้ แทนที่จะเห็นปุ่มกระดูกสันหลัง contour สวย มีกล้ามเนื้อเล็กใหญ่ เรียงรายอย่างดี กลายเป็นเบี้ยวไป แล้วก็จะปวดเอว ปวดหลัง ขา สะโพก เจ็บหัวเข่า ปวดหัว มีอาการหอบและระบบขับถ่ายไม่ดี ทำให้ตัวเตี้ยกว่าปกติด้วย
ความจริงก็คือ การที่กระดูกสันหลังคด จะมีผลกระทบกับระบบในร่างกายถึง 5 ระบบ คือ ระบบการย่อยฮอร์โมน กล้ามเนื้อ กระดูก และประสาท ในเพศหญิงคออาจมีปัญหา ถ้ามีการตั้งครรภ์และคลอด การรักษามีหลายวิธีตั้งแต่กายภาพบำบัด ไปจนถึงการผ่าตัด จัด/ดามกระดูกให้เข้ารูป ขึ้นอยู่กับความโค้งงอของกระดูก และอายุของผู้ป่วย
สำหรับผู้ใหญ่ โรคกระดูกสันหลังที่พบมากที่สุด คือ การเสื่อสภาพของกระดูก และข้อต่อกระดูกสันหลัง เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกหลวม กระดูกเคลื่อน ช่องไขสันหลังตีบ ฯลฯ การรักษามีหลายรูปแบบ ทั้งผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของโรค ผู้ป่วยสูงอายุมีการฉีดกระดูกเทียม (Methyl methacrylate) หรือ Bone Cement เข้าไปในกรณีที่กระดูกพรุน หักยุบ มีโพรง หรือช่องว่าง ซี่งวิธีการนี้ถือว่าเป็น minimally invsive หรือ non-invasive surgery เพราะเข็มที่ใช้ฉีดเข้าไปนั้น ถึงแม้จะใหญ่กว่าเข็มธรรมดา ก็แค่ 2-3 มิลลิเมตร ไม่ใช่เทคนิคใหม่ แต่อาจไม่แพร่หลายนัก
โรคกระดูกสันหลังที่พบมากในวัยทำงาน คือ หมอนรองกระดูกเคลื่อน ส่วนใหญ่พบมากในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-45 ปี จะมีอาการขาไม่มีแรง หรือ ขาชา ถ้าเป็นไม่มากอาจจะให้ยาและทำกายภาพบำบัด แต่ถ้าปวดร้าวมากๆ ต้องผ่าตัด ซึ่งสมัยนี้การผ่าตัดแบบ minimally invasive หรือการผ่าตัดที่มีการทำลายเนื้อเยื่อ และระบบต่างๆ ในร่างกายน้อยที่สุด เป็นเทคนิคที่แพร่หลายและได้รับความนิยมมาก เพราะนอกจากเนื้อเยื่อไม่ถูกทำลายมาก ไม่เสียเลือดมากระยะเวลาการพักฟื้นสั้นลง ค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่างก็ลดลงตามกระบวนอีกด้วย
โดยคุณ : oOfonOo เมื่อ 23 ก.ย. 2554 : 09:34:39