2. หยุดทำงานสักครู่
ดิฉันยังจำ Moment นั้นได้จนถึงทุกวันนี้ เมื่อหลายปีที่แล้ว ในขณะที่กำลังจะขับรถไปทำงานตอนเช้า ดิฉันจอดรถข้างทางแล้วร้องไห้ ด้วยความที่ไม่อยากไปทำงานแล้วเจอะเจอกับปัญหาที่แก้ไม่ตก กับคนที่ไม่อยากเจอ
หากคุณมีความรู้สึกที่ไม่อยากตื่นไปทำงานตอนเช้า ยังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เสียที แนะนำว่า ลองหาเวลาพักให้กับตนเองสักครู่ ไปต่างจังหวัด หากิจกรรมผ่องใสทำ เพื่อเป็นการหยุดพักตนเองสักหน่อย สร้างภาวะปิ๊งแวบและหัวใจประณีตที่จะทำให้เราสามารถคิดอะไรได้ดีขึ้น บางทีการจดจ่ออยู่กับอะไรมากเกินไปทำให้เราไม่สามารถที่จะมองเห็นภาพใหญ่ได้ ดังนั้น หยุดพักงานสักครู่ เพื่อไป Charge battery เพื่อทำให้เส้นผมเส้นนั้นที่บังภูเขาลูกใหญ่อยู่ได้หายออกไป เผื่อว่ากลับมาคุณได้จะมีมุมมองใหม่ๆ ที่สดใสกว่าเดิมก็เป็นได้
3. จัดระบบ ปรับองค์กร
หากคุณหายใจเข้าออกก็แล้ว ไปเที่ยวก็แล้ว ก็ยังมานั่งหงอยเหงาอยู่ที่ทำงาน something must be wrong แล้วล่ะค่ะ ดังนั้นหากว่าคุณเป็นพนักงานในองค์กร คุณอาจจะต้องถามใจตัวคุณเองดีๆ แล้วล่ะค่ะ ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้เป็นสิ่งที่คุณชอบจริงๆ หรือไม่ อย่าให้การทำงานของคุณบั่นทอนจิตวิญญาณของคุณนะคะ หัวใจ สุขภาพ และคนที่เรารักเป็นสิ่งที่ไม่ควรแลกกับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเองอย่างเงินหรอกค่ะ ดังนั้น คุณอาจที่จะขยับขยาย หาที่ทำงานใหม่ที่เหมาะสมและทำให้คุณสดชื่นขึ้นมาได้นะคะ
แต่หากว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการ แล้วคุณเกิดไม่มีความสุขที่จะอยู่กับมัน ลองมองดูว่าเป็นเพราะอะไร หากว่าองค์กรของคุณใหญ่ เทอะทะเกินไป ลองปรับให้มันอยู่ใน size ที่เหมาะสม หรือหากคุณต้องทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ลองปรับจัดจ้างหาผู้บริหารมืออาชีพมาทำแทนดู ปัญหาและความเครียดมีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้ทนนะคะ
เราในฐานะผู้ประกอบการ ถ้าเราไปทำงานแบบเหี่ยวๆ ทำไปวันๆ แบบไม่มีกะจิตกะใจจะทำ พนักงานที่ทำงานอยู่ด้วยก็คงทำงานแบบเหี่ยวๆ ไปตามๆ กัน ดังนั้น อย่าที่กว่าค่ะ ทำในสิ่งที่ทำให้เรากระฉับกระเฉง ตาเป็นประกายเหมือนตอนที่เราทำงานใหม่ๆ ไม่ดีกว่าหรือคะ
ความเครียดในบริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่อย่าให้มันมากลืนกินจิตวิญญาณของเรา โลกนี้ยังมีอะไรดีๆ ให้ค้นหาให้ทำอีกมากมาย ปรับตัว ปรับสิ่งแวดล้อมให้ละลายความเครียดที่มากลืนกิน เอาใจช่วยนะคะ
...ไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม...
โดย oOfonOo [ 8 ส.ค. 2554 : 09:25:49 ]